สรุปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินรายวัน - ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย |
Monday, 11 June 2018 09:13 | |||
สถานการณ์เศรษฐกิจต่างประเทศ นักลงทุนในตลาดการเงินต่างก็จับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 12-13 มิ.ย.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานและค่าจ้างแรงงานที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ขณะที่ตลาดการเงินคาดว่า ECB จะส่งสัญญาณปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จากระดับ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน ซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดในเดือนก.ย. ทั้งนี้ การคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากนายปีเตอร์ แพรท สมาชิกคณะกรรมการบริหารของ ECB กล่าวว่า ECB จะหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ในการประชุมครั้งนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้สั่งการไม่ให้คณะผู้แทนสหรัฐให้การรับรองแถลงการณ์ร่วมของการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม 7 ประเทศ หรือ G7 ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา เปิดเผยว่า ประเทศที่เข้าร่วมการประชุม G7 ทั้งหมดได้ตกลงลงนามในแถลงการณ์ร่วมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นวันปิดฉากการประชุมดังกล่าว แม้มีความแตกแยกกันบ้างจากการที่สหรัฐได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ทั้งนี้ ผู้นำชาติสมาชิก G7 ซึ่งประกอบด้วยแคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น อังกฤษ และสหรัฐ ประชุมร่วมกันทุกปี เพื่อหารือความร่วมมือในด้านต่างๆ ตั้งแต่เศรษฐกิจโลก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความมั่นคงปลอดภัย ไปจนถึงสันติภาพ สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีรายงานว่า ยอดส่งออกเดือนเม.ย.ปรับตัวลง 0.3% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ขณะที่ยอดนำเข้าพุ่งขึ้น 2.2% ซึ่งส่งผลให้เยอรมนีมียอดเกินดุลการค้าในเดือนเม.ย.ทั้งสิ้น 1.94 หมื่นล้านยูโร น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านยูโร กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือนเม.ย.ที่ระดับ 1.85 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 1.686 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำสถิติเกินดุลติดต่อกันเป็นเดือนที่ 46 โดยได้แรงหนุนจากการส่งออกที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนเม.ย.ปรับตัวลง 6.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากการขยายตัวของยอดขาดดุลในภาคบริการ ซึ่งรวมถึงการบริการผู้โดยสารและการขนส่งสินค้า ยอดเกินดุลการค้าของญี่ปุ่นในเดือนเม.ย. อยู่ที่ระดับ 5.738 แสนล้านเยน เพิ่มขึ้น 3.8% โดยได้ปัจจัยหนุนจากความแข็งแกร่งของยอดส่งออกรถยนต์ เรือ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์ สำหรับยอดส่งออกในเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้น 7.4% สู่ ขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 7.7% เนื่องจากความต้องการน้ำมันดิบภายในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่นได้แสดงความกังวลหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบเพื่อประเมินว่า รถยนต์และรถบรรทุกที่นำเข้าจากต่างประเทศนั้นเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติหรือไม่ โดยความเคลื่อนของทรัมป์ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า รัฐบาลสหรัฐอาจเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตราสูงถึง 25% ยอดส่งออกของจีนในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 5.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) เปิดเผยว่า มูลค่าการค้าต่างประเทศของจีนในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 8.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 11.63 ล้านล้านหยวน หรือ 1.82 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนยอดส่งออกในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 5.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 6.14 ล้านล้านหยวน ขณะที่ยอดการนำเข้าในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 12.6% กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้บรรลุข้อตกลงกับอาร์เจนตินาเรื่องการจัดหาวงเงินสินเชื่อมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อยับยั้งการอ่อนค่าของสกุลเงินเปโซ และช่วยเหลือรัฐบาลอาร์เจนตินาลดยอดขาดดุลการคลัง การบรรลุข้อตกลงร่วมกันครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากเมื่อ 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีเมาริซิโอ มาครี ได้เจรจาขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจาก IMF หลังจากเงินเปโซอ่อนค่าลงอย่างหนัก ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของประเทศที่ส่วนใหญ่อยู่ในรูปของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี ข้อตกลงดังกล่าวจำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากบอร์ดบริหารของ IMF โดยนักวิเคราะห์คาดว่า IMF จะปล่อยเงินกู้ให้กับอาร์เจนตินาในวงเงินสูงสุดราว 3-5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านการขยายวงเงินในโครงการเงินกู้ Stand-by Arrangement ระยะเวลา 36 เดือน
ปัจจัยต่างประเทศ (11 มิถุนายน 2561): ตามเวลาประเทศไทย ประเทศ ปัจจัย ญี่ปุ่น - ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนเม.ย. จีน - ยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนเดือนพ.ค. อังกฤษ - ดุลการค้าเดือนเม.ย. - การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.
ปัจจัยในประเทศ วันที่ปัจจัย สัปดาห์ที่3 - ศูนย์วิจัยทองคำแถลงดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือน - สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 11-12 มิ.ย. ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร)ภาคเหนือตอนล่าง จ.พิจิตร และจ.นครสวรรค์ 15 มิ.ย. สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดให้เอกชนแสดงความจำนงประมูลคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์ Source: http://www.ryt9.com/s/iq03/2819751om/s/iq03/2814042
Money Market - ดอลลาร์/บาท วันศุกร์ (8 มิย) เงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในเช้าวันนี้ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมวันที่ 12-13 มิถุนายนนี้ อย่างไรก็ดีสัปดาห์หน้ายังมีอีกหลายประเด็นที่ต้องจับตา เช่นการประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐฯกับเกาหลีเหนือวันที่ 12 มิถุนายน รวมทั้งการที่สหรัฐอาจจะประกาศรายชื่อสินค้าจีนที่สหรัฐฯจะขึ้นภาษีนำเข้า ซึ่งประเด็นดังกล่าวอาจะส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าได้แม้แนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯจะหนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯก็ตาม - ดอลลาร์/เยน วันศุกร์ (8 มิย) เงินเยนแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในเช้าวันนี้ โดยนักลงทุนจับตาหลายปัจจัยในสัปดาห์หน้าที่มีทั้งหนุนและกดดันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เช่นการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯในวันอังคารและวันพุธซึ่งคาดการณ์ว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% และการที่สหรัฐฯอาจจะประกาศรายชื่อสินค้าจีนที่สหรัฐฯจะขึ้นภาษีในสัปดาห์หน้า อีกทั้งยังการประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐฯกับเกาหลีเหนือในวันอังคาร ส่วนทางด้านธนาคารกลางญี่ปุ่นจะมีการประชุมในวันพฤหัสและวันศุกร์ซึ่งคาดว่าจะคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินไว้เนื่องจากอัตรราเงินเฟ้อยังต่ำกว่าเป้า 2% มากอีกทั้งการอุปโภคบริโภคในประเทศยังไม่ฟื้น - ยูโร/ดอลลาร์ วันศุกร์ (8 มิย) เงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในเช้าวันนี้ อย่างไรก็ดีในสัปดาห์หน้าในวันที่ 14 มิถุนายนจะมีการประชุมธนาคารกลางยุโรปซึ่งนักนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะมีการหารือเรื่องการยุติมาตรการ QE ในปีนี้ ซึ่งหากมีความชัดเจนออกมาว่าธนาคารกลางยุโรปมีแผนที่จะลดมาตรการผ่อนคลายทางการเงินลงอย่างต่อเนื่องคาดว่าปัจจัยนี้จะหนุนเงินยูโรให้แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
Capital Market - ตลาดหุ้นสหรัฐฯวันศุกร์ (8 มิย) ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่สามเมื่อวันศุกร์ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,316.53 เพิ่มขึ้น 0.30% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,779.03 เพิ่มขึ้น 0.31% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,645.51 เพิ่มขึ้น 0.14% ตลาดหุ้นทั่วโลกจับตาการประชุม G7 ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนักลงทุนคาดว่าสหรัฐจะถูกสมาชิกรายอื่นโจมตีเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่านักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐจะไม่กังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งที่เพิ่มสูงขึ้นระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับชาติพันธมิตร สำหรับในสัปดาห์นี้มีเหตุการณ์สำคัญที่นักลงทุนจับตาหลายเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย.ที่สิงคโปร์, การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 12-13 มิ.ย., การประชุมธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 14 มิ.ย. รวมไปถึงการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 14-15 มิ.ย. - ตลาดหุ้นเอเชีย วันศุกร์ (8 มิย) ดัชนีนิกเกอิลดลง 0.56% ปิดที่ 22,694.50 ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดวันนี้ลดลงเช่นกัน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ โดยดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตลด 1.36% ปิดที่ 3,067.15 ส่วนดัชนีฮั่งเส็งปิดลดลง 1.76% ปิดที่ 30,958.21 ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือ รวมทั้งการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า - ตลาดหุ้นไทย วันศุกร์ (8 มิย) ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ลดลงสอดคล้องกับดัชนีตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่เนื่องจากหลายปัจจัยทั้งแนวโน้มธนาคารกลางสำคัญที่คาดว่าจะเข้มงวดนโยบายการเงินมากขึ้น ทั้งธนาคารกลางสหรัฐฯและธนาคารกลางยุโรปในสัปดาห์หน้า ขณะเดียวกันยังมีประเด็นเรื่องการประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐฯกับเกาหลีเหนือ และการที่สหรัฐฯอาจจะประกาศรายชื่อสินค้าจีนที่สหรัฐฯจะขึ้นภาษีนำเข้าในสัปดาห์หน้าซึ่งส่งผลให้นักลงทุนระมัดระวังมากขึ้น โดยมีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิขย์ ปิโครเคมี พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และพลังงาน และปิดตลาดวันนี้ SET INDEX ลดลง 11.01 จุด
โดย สำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประจำวันที่ 11 มิ.ย. 2561
|
Today | 23838 | |
Yesterday | 36228 | |
All days | 167316612 |
Comments