Forgot your password? Create an account
  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
News

Stockwave Online กระแสหุ้นออนไลน์ หุ้น หลักทรัพย์ การเงิน ข่าวเศรษฐกิจ

Home Economic View สรุปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินรายวัน - ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย
สรุปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินรายวัน - ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย PDF Print E-mail
Wednesday, 05 April 2017 10:30

Snapshot

 

สหรัฐอเมริกา

นายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) สาขาริชมอนด์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งในวันนี้ โดยระบุว่าคำสนทนาของเขาต่อนักวิเคราะห์รายหนึ่งของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในปี 2012 (เมดลีย์ โกลบอล แอดไวเซอร์) อาจเป็นการเปิดเผยข้อมูลลับเกี่ยวกับทางเลือกในการใช้นโยบายของ Fed โดยระบุว่าไม่เคยมีความตั้งใจที่จะเปิดเผยข้อมูลลับ ทั้งนี้ นายแลคเกอร์กล่าวว่า เขาอาจกระทำการที่ขัดต่อนโยบายการสื่อสารต่อบุคคลภายนอกของเฟด ซึ่งห้ามการให้ข้อมูลแก่บุคคลหรือองค์กรที่แสวงหากำไร เพื่อสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า รัฐบาลของเขากำลังเตรียมการแก้ไขกฏหมายดอดด์-แฟรงค์เพื่อให้ธนาคารต่างๆสามารถปล่อยกู้ได้สะดวกขึ้น ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวต่อผู้นำภาคธุรกิจจากนิวยอร์กที่มาประชุมที่ทำเนียบขาว โดยระบุว่า กำลังจะทำในสิ่งที่ดีมากสำหรับภาคธนาคาร เพื่อให้ธนาคารต่างๆสามารถปล่อยเงินกู้แก่ผู้ที่มีความต้องการ พร้อมยังระบุว่า จะทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อกฎหมายดอดด์-แฟรงค์ โดยต้องการกฎระเบียบที่มีความเข้มงวด แต่ไม่ใช่กฎระเบียบที่ขัดขวางธนาคารไม่ให้ปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ที่จะสร้างงานในระบบเศรษฐกิจ ทั้งนี้ กฏหมายดอดด์-แฟรงค์ เป็นกฏหมายที่รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา เคยใช้กู้วิกฤตการณ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2007-2009 โดยกำหนดให้มีความเข้มงวดในการทำธุรกรรมทางการเงินในด้านต่างๆ เช่น การปล่อยสินเชื่อ การเปิดเผยข้อมูลกองทุนเฮดจ์ฟันด์ การลงทุนของกลุ่มสถาบันการเงิน รวมถึงการทำธุรกรรมตราสารอนุพันธ์

ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐฯ ในเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 1.0% โดยปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3 หลังจากเพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนมกราคม โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวของอุปสงค์เครื่องจักร และอุปกรณ์ไฟฟ้า ขณะที่เมื่อเทียบรายปี ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐทะยานขึ้น 4.6% (yoy) อย่างไรก็ดี ยอดสั่งซื้อสินค้าทุนพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาวุธและเครื่องบิน ลดลง 0.1% โดยยอดสั่งซื้อดังกล่าวได้รับการจับตาว่าเป็นมาตรวัดความเชื่อมั่น และแผนการใช้จ่ายในภาคธุรกิจ

ยอดขาดดุลการค้าในเดือนกุมภาพันธ์ลดลง 9.6% สู่ระดับ 4.36 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากที่ขาดดุล 4.82 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนมกราคม โดยยอดส่งออกสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น 0.2% สู่ระดับ 1.929 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ยอดการนำเข้าสินค้าและบริการลดลง 1.8% สู่ระดับ 2.364 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ สหรัฐขาดดุลการค้ากับจีนลดลง 26.6% สู่ระดับ 2.30 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่มูลค่าการนำเข้าจากจีนลดลง 8.6 พันล้านดอลลาร์ นำโดยการลดลงของการนำเข้าโทรศัพท์มือถือ ทั้งนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน จะทำการประชุมสุดยอดในวันพฤหัสบดีและศุกร์นี้ ซึ่งคาดว่าตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐที่ลดลงต่อจีน จะช่วยลดแรงกดดันในการเจรจาการค้าระหว่างผู้นำทั้ง 2

นายแพทริค ฮาร์เคอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียกล่าวว่า เฟดอาจจะเริ่มต้นปรับลดขนาดการถือครองตราสารหนี้ลงในปีนี้ ในขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดคนอื่นๆเคยกล่าวเตือนเช่นกันว่า เฟดอาจจะปรับลดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจลงในไม่ช้า นายฮาร์เคอร์กล่าวว่าบางทีช่วงก่อนสิ้นปีนี้หรือช่วงต้นปีหน้า อาจจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการยุติการนำเงินที่ได้รับจากสินทรัพย์ที่ครบกำหนดไถ่ถอนไปลงทุนใหม่ อย่างไรก็ดีเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับว่าเศรษฐกิจจะมีสภาพเป็นเช่นใดนับตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงช่วงเวลานั้น ก่อนหน้านี้มีเจ้าหน้าที่เฟดอีกอย่างน้อย 4 คนที่ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะเริ่มต้นปรับลดขนาดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS) ลงในปีนี้ โดยเฟดถือครองตราสารหนี้กลุ่มนี้ราว 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์คเพิ่งส่งสัญญาณแบบนี้ในวันศุกร์ที่ผ่านมา นายฮาร์เคอร์กล่าวเสริมว่าเราจำเป็นต้องรักษาสมดุลระหว่างสิ่งนี้กับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ เพราะเมื่อใดก็ตามที่เรายุติการนำเงินจากหลักทรัพย์เก่าไปลงทุนใหม่ นั่นก็เท่ากับเป็นการปรับลดการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสองสิ่งนี้มีความเกี่ยวข้องกัน โดยถ้อยแถลงนี้ตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะหยุดพักการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นการชั่วคราว เมื่อเฟดเริ่มต้นปรับลดขนาดการถือครองตราสารหนี้ เฟดสะสมสินทรัพย์ไว้มากเป็นประวัติการณ์ในช่วงที่ผ่านมา โดยมีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นการลงทุน, การจ้างงาน และการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยในปี 2007-2009 โดยในช่วงที่ผ่านมาเฟดนำเงินที่ได้รับจากสินทรัพย์ที่ครบกำหนดไถ่ถอนไปลงทุนใหม่ หรือ reinvestment อย่างไรก็ดี ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เฟดเริ่มออกมาแสดงความเห็นว่า พวกเขาคาดว่าเฟดจะยุติ reinvestment เมื่อใด ก่อนหน้านี้นักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์เคยคาดการณ์ว่า เฟดจะเริ่มต้นยุติ reinvestment ในปี 2018 โดยการยุติ reinvestment จะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนในตลาดปรับสูงขึ้น ในขณะที่เฟดเป็นผู้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรายใหญ่ที่สุดในโลก นายฮาร์เคอร์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เฟดควรจะปรับลดขนาดการถือครองตราสารหนี้ลงมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ดีเขาสนับสนุนให้เฟดถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเป็นส่วนใหญ่ในอนาคต แต่เขากล่าวเสริมว่า เฟดอาจจะไม่เทขาย MBS ออกมาทั้งหมด โดยเฟดถือครอง MBS เกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปัจจุบัน

 

ยุโรป:ยูโรโซน

ยอดค้าปลีกในยูโรโซนเพิ่มขึ้นสูงเกินคาดในเดือนก.พ. ในขณะที่ผู้บริโภคซื้อเสื้อผ้าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนม.ค. และสิ่งนี้เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ผู้บริโภคยังคงจับจ่ายใช้สอย ถึงแม้อัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้น ยูโรสแตท ซึ่งเป็นสำนักงานสถิติของสหภาพยุโรป (อียู) ระบุว่า ยอดค้าปลีกในประเทศสมาชิกยูโรโซน 19 ประเทศเพิ่มขึ้น 0.7 % ในเดือนก.พ.เมื่อเทียบกับเดือนม.ค. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในตลาดที่ 0.5 % ในส่วนของตัวเลขที่เทียบแบบปีต่อปีนั้น ยอดค้าปลีกปรับขึ้น 1.8 % ต่อปีในเดือนก.พ. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 1.4 % ยูโรสแตทปรับทบทวนตัวเลขเดือนม.ค.ด้วย โดยระบุว่ายอดค้าปลีกปรับขึ้น 0.1 % ต่อเดือนในเดือนม.ค. หลังจากที่เคยรายงานว่าลดลง 0.1 % ต่อเดือนในเดือนม.ค. นอกจากนี้ ยอดค้าปลีกยังปรับขึ้น 1.5 % ต่อปีในเดือนม.ค. จากเดิมที่เคยรายงานว่าปรับขึ้นเพียง 1.2 % ต่อปี

 

อังกฤษ

Markit/CIPS รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคก่อสร้างของสหราชอาณาจักรในเดือนมีนาคมปรับตัวลงสู่ระดับ 52.2 จากระดับ 52.5 ในเดือนกุมภาพันธ์ นอกจากนี้ การขยายตัวของคำสั่งใหม่ในภาคการก่อสร้างยังคงอยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว

 

เอเชีย : เกาหลีใต้

การขยายตัวของดัชนีราคาผู้บริโภคในเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดในรอบเกือบ 5 ปีในเดือน.ค. ขณะที่ราคาอาหารสดและค่าบริการปรับตัวขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงการดีดตัวขึ้นของอุปสงค์ภายในประเทศ หลังความเชื่อมั่นผู้บริโภคอ่อนแอลงเป็นเวลาหลายเดือนจากกรณีอื้อฉาวเกี่ยวกับการคอร์รัปชั่น  ทั้งนี้ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 2.2% ในเดือนมี.ค.จากปีที่แล้ว โดยเพิ่มขึ้นจาก 1.9% ในเดือนก.พ. และเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2012 และสูงกว่าระดับในผลสำรวจของรอยเตอร์ที่คาดไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI ยังคงทรงตัว 0.0% ในเดือนมี.ค. จากเดือนก.พ. ขณะที่ผลสำรวจคาดไว้ว่าอาจลดลง 0.2% ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและเชื้อเพลิงที่มีความผันผวนนั้นเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนมี.ค. แต่ลดลงเล็กน้อยจาก 1.5% ในเดือนก.พ.

 

ฟิลิปปินส์

นายเอ็นริเก มานาโล รักษาการรัฐมนตรีต่างประเทศของฟิลิปปินส์กล่าวว่า จีนและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประสบความก้าวหน้าในการเจรจาเรื่องแนวปฏิบัติสำหรับทะเลจีนใต้ จีนอ้างสิทธิเหนือพื้นที่ส่วนใหญ่ในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการขนส่งสินค้าทางทะเลเป็นมูลค่าราว 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี อย่างไรก็ดี บรูไน, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, ไต้หวัน และเวียดนามต่างก็อ้างสิทธิในพื้นที่ทับซ้อนกันในทะเลจีนใต้ นายมานาโลกล่าวว่าเราประสบความก้าวหน้าเป็นอย่างดีในการกำหนดกรอบการทำงานสำหรับแนวปฏิบัติกับจีน และเขากล่าวเสริมว่า สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และจีนดำเนินการไปมากกว่าครึ่งหนึ่งแล้วในการกำหนดเนื้อหาของแนวปฏิบัตินี้

 

ออสเตรเลีย

ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.5% ตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดในวันอังคารที่ผ่านมา โดยตรึงอัตราดอกเบี้ยเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน ในขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยในเมืองใหญ่ของออสเตรเลียอยู่ในภาวะร้อนแรงมาก  RBA ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่สถิติต่ำสุด หลังจากที่เคยปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนพ.ค.และส.ค. 2016 ก่อนหน้านี้นักเศรษฐศาสตร์ทั้ง 50 รายในโพลล์รอยเตอร์ได้คาดการณ์ไว้อย่างถูกต้องว่า RBA จะตรึงอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ RBA แสดงความกังวลต่อตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอ และปัจจัยนี้ส่งผลลบต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ RBA ไม่ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมคือการพุ่งขึ้นของราคาบ้าน โดยเฉพาะราคาบ้านในนครซิดนีย์และนครเมลเบิร์น

 

ไทย

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และร่างพ.ร.บ.ปฏิรูปประเทศ เพื่อวางรากฐานของประเทศ โดยทั้ง 2 ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว จะต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน หลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้ ส่วนยุทธศาสตร์ชาติ ต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี ทั้งนี้ ในส่วนร่างพ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ และร่างพ.ร.บ.ปฏิรูปประเทศ จะมีการกำหนดไว้ หากไม่มีการดำเนินการตามนี้ ก็มีสิทธิที่จะนำเรื่องร้องเรียนไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นายปกรณ์ นิลประพันธ์ รองเลขาธิการ คณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับนี้ มีการไปรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนเพิ่มเติม เพื่อให้การดำเนินการในแต่ละเรื่องและแต่ละด้าน มีความกว้างขวาง ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นจากร่างเดิม รวมถึงการกำหนดให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ และคณะกรรมการปฏิรูป จากร่างเดิมที่แยกจากกัน แต่ร่างใหม่จะเดินไปในทิศทางเดียวกัน

 

อื่นๆ

สถาบันการเงินระหว่างประเทศ (IIF) ระบุในรายงานว่า หนี้ทั่วโลกพุ่งขึ้นสู่ 325% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2016 และอยู่ที่ระดับ 215 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของการออกจำหน่ายตราสารหนี้ในประเทศตลาดเกิดใหม่ หนี้ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 7.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2016 เมื่อเทียบกับปี 2015 โดยสัดส่วนหนี้พุ่งขึ้นจาก 320% ของจีดีพีในปี 2015 ยอดหนี้คงค้างของประเทศตลาดเกิดใหม่พุ่งขึ้นมากสู่ระดับ 55 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2016 หรือ 215% ของจีดีพีประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยการพุ่งขึ้นนี้ได้รับแรงหนุนสำคัญจากหุ้นกู้ที่ออกจำหน่ายโดยบริษัทนอกภาคการเงิน ประเทศตลาดเกิดใหม่ออกจำหน่ายตราสารหนี้ใหม่เกือบ 40 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงระหว่างปี 2006-2016 โดยพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจากระดับเพียง 9 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงระหว่างปี 1996-2006 IIF ระบุว่า หนี้ทั่วโลกพุ่งขึ้นกว่า 70 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงสิบปีที่ผ่านมา และพุ่งขึ้นสู่สถิติสูงสุดใหม่ในด้านการออกจำหน่ายตราสารหนี้  ประเทศพัฒนาแล้วมียอดหนี้อยู่ที่ 160 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 390% ของจีดีพีประเทศพัฒนาแล้ว  รายงานของ IIF ระบุว่า ประเทศพัฒนาแล้วมีหนี้เพิ่มขึ้น 32 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงสิบปีที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนสำคัญจากภาครัฐบาล ในขณะที่หนี้ของภาครัฐบาลสหรัฐและอังกฤษพุ่งขึ้นกว่าสองเท่านับตั้งแต่ปี 2006  หนี้คงค้างในภาครัฐบาลของญี่ปุ่นและประเทศพัฒนาแล้วในยุโรปเพิ่มขึ้นราว 50% ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาหากวัดในรูปของดอลลาร์สหรัฐฯ หนี้ส่วนใหญ่ที่เพิ่มขึ้นในประเทศตลาดเกิดใหม่เป็นหนี้สกุลเงินในประเทศ โดยหนี้สกุลเงินในประเทศในประเทศตลาดเกิดใหม่อยู่ที่ระดับสูงกว่า 48.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงสิ้นปี 2016

 

Money Market

- ดอลลาร์/บาท วันอังคาร (4 เมย.) เงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ขณะที่วันนี้ดอลลาร์สหรัฐฯวันนี้แข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินเอเซียส่วนใหญ่ โดยแนวโน้มการลดมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯมีแนวโน้มหนุนดอลลาร์สหรัฐฯให้แข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินอื่นๆในระยะปานกลาง โดยล่าสุดนายแพทริค ฮาร์เคอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐสาขาฟิลาเดลเฟียกล่าวว่า เฟดอาจจะเริ่มต้นปรับลดขนาดการถือครองตราสารหนี้ลงในปีนี้ นายฮาร์เคอร์กล่าวว่าบางทีช่วงก่อนสิ้นปีนี้หรือช่วงต้นปีหน้า อาจจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการยุติการนำเงินที่ได้รับจากสินทรัพย์ที่ครบกำหนดไถ่ถอนไปลงทุนใหม่ อย่างไรก็ดีเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับว่าเศรษฐกิจจะมีสภาพเป็นเช่นใด ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่เฟดอีกอย่างน้อย 4 คนที่ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะเริ่มต้นปรับลดขนาดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS) ลงในปีนี้ โดยเฟดถือครองตราสารหนี้กลุ่มนี้ราว 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้การยุติ reinvestment จะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนในตลาดปรับสูงขึ้น ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังเรื่องความเสี่ยงมากขึ้นก่อนการประชุมระหว่างปธน.ทรัมป์และปธน.สี จิ้นผิงของจีนในสัปดาห์นี้ด้วย

- ดอลลาร์/เยน วันอังคาร (4 เมย.) เงินเยนแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่รายงานข่าวชี้ว่านักลงทุนเข้าซื้อเยนในฐานะสกุลเงินปลอดภัย และหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยงในวงกว้าง

- ยูโร/ดอลลาร์ วันอังคาร ( 4 เมย.) เงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ รายงานข่าวชี้ว่ายูโรได้รับแรงกดดันจากการลดลงอย่างรุนแรงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนี เนื่องจากเหตุระเบิดที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซียส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ดียูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงตลาดสหรัฐฯ

 

Capital Market

- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันอังคาร ( 4 เมย.) ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันอังคาร ขณะที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนการรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทจดทะเบียน และนักลงทุนวิตกกับความสามารถของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการผลักดันการปฏิรูปกฏหมายและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ นอกจากนี้นักลงทุนยังมุ่งความสนใจไปที่การประชุมระหว่างปธน.ทรัมป์และปธน.สี จิ้นผิงของจีนในสัปดาห์นี้ด้วย ทั้งนี้ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 0.19% สู่ระดับ 20,689.24, ดัชนี S&P 500 ปิดสูงขึ้น 0.06% สู่ระดับ 2,360.16 และดัชนี Nasdaq ปิดเพิ่มขึ้น 0.07% สู่ระดับ 5,898.61

- ตลาดหุ้นเอเชีย วันอังคาร ( 4 เมย.) ดัชนีนิกเกอิปิดลดลง 0.91% สู่ระดับ 18,810.25 โดยได้รับผลลบจากเยนที่แข็งค่าและหุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์มีราคาลดลง เนื่องจากยอดขายรถยนต์ในสหรัฐอ่อนแอเกินคาด หุ้นกลุ่มการเงิน เช่น ธนาคารและบริษัทประกันลดลงด้วย หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ. ส่วนตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการในวันนี้ เนื่องในวันหยุดเทศกาลเชงเม้ง

- ตลาดหุ้นไทย วันอังคาร( 4 เมย.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้สูงขึ้นในช่วงบ่ายนำโดยหุ้นในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รับเหมาก่อสร้าง พลังงาน พาณิชย์ ขนส่ง ขณะที่มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่ม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ส่งผลให้ปิดตลาดวันนี้ SET INDEX เพิ่มขึ้น 2.96 จุด

 

โดย สำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประจำวันที่ 5 เม.ย. 2560

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment
 
 

Login

Forgot your password? Create an account
mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterToday2406
mod_vvisit_counterYesterday35517
mod_vvisit_counterAll days167769197

We have: 872 guests online
Your IP: 18.118.226.105
Mozilla 5.0, 
Today: May 01, 2024

5579528