KTAM มองตลาดมีความไม่แน่นอน แนะ 3 สินทรัพย์ ลงทุนแบบยืดหยุ่นและกระจายความเสี่ยง |
![]() |
![]() |
![]() |
Thursday, 05 June 2025 20:28 | |||
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTAM) เปิดเผยว่า ในปี 2568 นี้ นักลงทุนต้องเผชิญกับเศรษฐกิจและสภาวะการลงทุนที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและความท้าทายที่ซับซ้อนกว่าที่เคย โดยมองว่าปีนี้จะเป็นปีที่มีความผันผวนอย่างมากจากหลายปัจจัย อาทิ นโยบายการเงินของธนาคารกลาง แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของแต่ละภูมิภาคที่อาจแตกต่างกันกว่าเดิม รวมถึงปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนทั่วโลก นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2568 ที่ผ่านมา ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ในนิวยอร์กมีคำสั่งให้ระงับใช้มาตรการ Tariffs ของ ปธน.ทรัมป์ โดยศาลตัดสินว่าทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขตของพระราชบัญญัติอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ (IEEPA) ทำให้สหรัฐฯ ต้องยกเลิก Reciprocal Tariffs ที่เคยประกาศก่อนหน้านี้ โดยผู้ที่เคยจ่ายภาษีดังกล่าวไปแล้วสามารถไปยื่นขอภาษีคืนเป็นรายกรณี อย่างไรก็ตาม คาดว่าทรัมป์อาจจะไม่หยุดเพียงเท่านี้ อาจมีโอกาสที่คดีนี้จะยือเยื้อไปจนถึงศาลสูงสุด และเป็นความเสี่ยงที่ยังคงสร้างความกังวลใจให้กับทุกฝ่าย อีกทั้ง นักลงทุนอาจต้องติดตามการเคลื่อนไหวของ Bond Yield อย่างใกล้ชิด หลังจากที่ร่างกฎหมาย “One Big Beautiful Bill” ผ่านสภาผู้แทนราษฎรไป ส่งผลให้สหรัฐฯ จะมีการขาดดุลการคลังที่สูงขึ้น โดยที่ผ่านมารัฐบาลระบุว่าจะนำรายได้ที่จัดเก็บจาก Tariffs นี้มาสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งถ้าหากว่าสหรัฐฯ ไม่สามารถจัดเก็บ Tariffs ก็จะทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลการคลังหนักกว่าที่หลายคนเคยคาดการณ์ไว้ และอาจสร้างแรงกดดันให้ Bond Yield ปรับตัวสูงขึ้น จนกลายเป็นปัจจัยกดดันสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงถัดไปได้ ดังนั้นจากปัจจัยข้างต้น เราจึงได้แนะนำการลงทุนใน 3 สินทรัพย์ โดยใช้กลยุทธ์ที่มีความยืดหยุ่นและกระจายความเสี่ยงเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว ประกอบด้วย ตราสารหนี้ จากความไม่แน่นอนที่อยู่ในระดับสูง และผลการเจรจาด้านการค้าที่ยังไม่แน่นอน รวมถึงความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจทั่วโลกที่จะชะลอตัวลง เราจึงมองว่าการกระจายความเสี่ยงถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับพอร์ตนักลงทุนได้ โดยตราสารหนี้จะเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะทำหน้าที่ได้ดีโดยเฉพาะในสภาวะที่ดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับสูง จึงได้แนะนำ กองทุนเปิดเคแทม โกลบอล เครดิต อินคัม ฟันด์ (KT-GCINCOME) (ความเสี่ยงระดับ 5) เน้นลงทุนผ่านกองทุน Schroder International Selection Fund Global Credit Income (กองทุนหลัก) ในตราสารการเงินที่มีการจ่ายผลตอบแทนแบบอัตราดอกเบี้ยคงที่ และลอยตัวที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ และหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงที่ออกโดยรัฐบาล หน่วยงานภาครัฐ องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศ และบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศในตลาดเกิดใหม่ และกองทุนเปิดเคแทม แคปปิตอล ซีเคียวริตี้ ฟันด์ (KT-CSBOND) (ความเสี่ยงระดับ 5) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ (เงินกู้ที่มีทั้งการจ่ายดอกเบี้ยคงที่หรือไม่คงที่) และ/หรือตราสารทุนที่ออกโดยสถาบันการเงิน ผ่านกองทุน PIMCO GIS Capital Securities Fund (กองทุนหลัก) ตราสารทุน จากประเด็นที่ต้องจับตามองคือท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ โดยเฉพาะหากรัฐบาลทรัมป์ยังดำเนินการนโยบายภาษีศุลกากรการค้าต่อด้วยหนทางอื่น ก็จะเป็นการกระตุ้นการเพิ่มราคาสินค้าโดยธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ในภาวะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวลงได้บ้าง ประกอบกับราคาน้ำมันที่ลงมาอยู่ในกรอบ $60-$70 ต่อบาเรลล์ นั้น ก็น่าจะเปิดช่องให้กับ Fed ในการลดดอกเบี้ยได้ภายในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะเป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้กับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ดี จึงได้แนะนำ กองทุนเปิดเคแทม ยูเอส โกรท อิควิตี้ ฟันด์ (KT-US) (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนผ่านกองทุนหลักอย่าง AB AMERICAN Growth Portfolio ในหุ้นของบริษัทในสหรัฐฯ ที่มีขนาดใหญ่ มีแนวโน้มในการเติบโตดี มีคุณภาพสูง นอกจากนี้ ตลาดหุ้นจีนในปี 2568 มีแนวโน้มที่จะเป็นปีที่ดีที่สุดในรอบ 5 ปี โดยได้รับแรงสนับสนุนจากปัจจัยเชิงบวกหลายประการ ทั้งในด้านนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย มาตรการกระตุ้นทางเศรษฐกิจจากรัฐบาลจีน และการเติบโตในภาคเทคโนโลยีที่นำโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งกลายเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของตลาดหุ้นจีนในปีนี้ การที่ตลาดหุ้นจีนมีแนวโน้มเติบโตในปีนี้ถือเป็นการพลิกฟื้นครั้งสำคัญ หลังจากที่ตลาดจีนต้องเผชิญกับภาวะซบเซาต่อเนื่องมาหลายปี จึงได้แนะนำ กองทุนเปิดเคแทม ไชน่า อิควิตี้ ฟันด์ (KT-CHINA) (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนผ่านกองทุน BGF China Fund (กองทุนหลัก) ในหุ้นของบริษัทที่มีภูมิลําเนาอยู่ใน หรือเป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจในจีน สำหรับหุ้นกลุ่ม Sector & Thematic แนะนำ 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเคแทม World Technology (KT-TECHNOLOGY) (ความเสี่ยงระดับ 7) เน้นลงทุนผ่านกองทุน Fidelity Funds - Global Technology Fund (กองทุนหลัก) ในหุ้นเทคโนโลยีของบริษัททั่วโลก รวมถึงประเทศตลาดเกิดใหม่ เนื่องจากการเติบโตของหุ้นสหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับพัฒนาการด้านเทคโนโลยี AI เป็นหลัก ซึ่งเป็นหนึ่งใน megatrend ที่มีแนวโน้มเติบโตได้สูงในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ด้วยระดับราคาที่ค่อนข้างแพงในหุ้นกลุ่ม 7 นางฟ้า จึงคาดว่าหุ้นเทคโนโลยีนอกกลุ่มดังกล่าว จะเริ่มกลับมาสร้างผลตอบแทนได้ดีขึ้นกว่าเดิมในเชิงเปรียบเทียบ จากแรงหนุนจากการเติบโตของกำไรที่ถูกคาดการณ์ว่าจะมีส่วนต่างกับหุ้น 7 นางฟ้าที่แคบลงเรื่อยๆ รวมถึงหุ้นเทคฯ ขนาดกลางขนาดเล็ก และหุ้นเทคฯนอกสหรัฐฯ เช่น ยุโรป ที่มีระดับราคาถูกกว่า ซึ่งเป็นโอกาสการลงทุนระยะยาวที่น่าสนใจ นอกจากนี้ ทองคำซึ่งกลายเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปีนี้โดยทะลุระดับ $3,000 ต่อออนซ์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งปัจจัยสนับสนุนมาจากความแข็งแกร่งด้านความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้า รวมถึงแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ Fed ในครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในบางภูมิภาค ทำให้นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในทองคำมากขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ทั้งนี้ เรายังคาดหวังถึงโมเมนตั้มของราคาทองคำที่จะยังขึ้นไปได้ต่อในช่วงที่เหลือของปี จากอุปสงค์ของธนาคารกลางทั่วโลกที่ยังมีแนวโน้มเข้าซื้อทองคำต่อเนื่องเพื่อกระจายความเสี่ยงในทุนสำรองระหว่างประเทศ จึงแนะนำ กองทุนเปิดเคแทม โกลด์ ฟันด์ (KT-GOLD) (ความเสี่ยงระดับ 8) และ กองทุนเปิดเคแทม โกลด์ ฟันด์ Unhedged (KT-GOLDUH) (ความเสี่ยงระดับ 8) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR® Gold Trust เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV โดยลงทุนในทองคำแท่งเพื่อสร้างผลตอบแทนของกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในปีนี้ ได้ส่งผลให้หุ้นเหมืองทองคำกลายเป็นหนึ่งในหุ้นที่ทำผลตอบแทนได้ดีในปี 2568 นี้ เนื่องจากหุ้นเหมืองทองคำมีลักษณะของ leverage effect ต่อราคาทองคำ กล่าวคือ เมื่อราคาทองคำเพิ่มขึ้น 1% หุ้นเหมืองทองคำมักจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่มากกว่า ซึ่งจะทำให้หุ้นเหมืองทองคำกลายเป็นกลุ่มที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้สูง จึงแนะนำ กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ โกลด์ แอนด์ เพรเชียส เอคควิตี้ (KT-PRECIOUS) (ความเสี่ยงระดับ 7) เน้นลงทุนผ่านกองทุน Franklin Gold and Precious Metals Fund (กองทุนหลัก)ในหุ้นของบริษัททั่วโลกที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นทองคำ และโลหะมีค่า ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการได้ที่ บลจ.กรุงไทย โทร. 0-2686-6100 กด 9 หรือธนาคารกรุงไทยและผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุน (ถ้ามี) หรือศึกษารายละเอียดได้ที่ www.ktam.co.th สนใจเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชั่น KTAM Smart Trade ได้ที่ https://bit.ly/KTSTSignIn +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it
|
![]() | Today | 1603 |
![]() | All days | 1603 |
Comments